ยารักษาโรคของแพทย์แผนไทยในอดีตมักพึ่งพิงอิงอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่เราเรียกว่า “สมุนไพร” ยาสมุนไพรเกิดจากภูมิปัญญาของแพทย์ไทยหรือหมอยา ที่นำเอาสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นพรรณพืชต่างๆ สิ่งที่ได้จากสัตว์ แร่ธาตุ เป็นต้น มาผสมผสานเข้าด้วยกันเพื่อใช้เป็นยารักษาโรค การทำยาสมุนไพรเกิดจากการทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อให้ได้ตัวยาที่สามารถขจัดหรือยังยั้งอาการของโรคนั้นๆ รวมไปถึงการวินิจฉัยโรคที่ต้องสังเกตพฤติกรรมของผู้ป่วย และอาการที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยอย่างละเอียด
ภูมิปัญญาเหล่านี้ได้ถูกบันทึกใน “เอกสารโบราณ” เพื่อส่งต่อให้กับอนุชนผู้ที่ต้องการจะเป็นแพทย์ หรือผู้ที่จะศึกษาเกี่ยวกับแพทย์แผนไทย แต่ด้วยการเข้ามาของแพทย์แผนตะวันตกจึงทำให้ แพทย์แผนไทยลดบทบาทลงอย่างมาก มีการเรียนการสอนอยู่ในวงที่จำกัดเฉพาะผู้ที่สนใจเรียนเท่านั้น ดังนั้นความรู้เรื่องแพทย์แผนไทยจึงถูกลืมเลือนหายไปจากสังคมไทย เหลือไว้เพียงบันทึกที่เป็นเอกสารโบราณ หรือที่เราเรียกกันจนติดปากว่า “ตำรายา”
ตำรายา หรือตำรายาพื้นบ้านไทยนี้เอง ที่ได้บันทึกสรรพวิชาความรู้ทางด้านแพทย์แผนไทยไว้อย่างมากมาย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นว่าตำรายาแพทย์แผนไทยเหล่านี้มีประโยชน์ต่อสังคมไทย จึงมีพระราชดำริที่จะทำนุบำรุงพระตำราหลวงเนื่องด้วยการใช้งานที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน เอกสารชำรุดไปบ้าง สูญหายไปบ้าง จึงโปรดเกล้าให้แพทย์หลวงนำตำรายาจากที่ต่างๆมาตรวจสอบชำระในปี พ.ศ. 2413 ให้ตรงกับพระตำราหลวงต้นฉบับเดิมมีชื่อว่า “แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์”
เนื้อหาในเอกสารโบราณประเภทตำรายานี้นอกจากจะบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บ การวินิจฉัยอาการ การรักษาโรค ตำรับยาสมุนไพรที่ใช้รักษา ซึ่งเหมือนกับเป็นตำราเรียนของแพทย์แผนไทยให้ความรู้ในเชิงวิทยาศาสตร์แล้ว ในเอกสารที่บันทึกยังแฝงถึงเรื่องราวทางสังคม และวัฒนธรรม ซึ่งแสดงออกให้เห็นถึงคติความเชื่อ และโลกทัศน์ของคนไทยในอดีตอีกด้วย
หนึ่งในคติความเชื่อของคนไทยที่แฝงอยู่ในตำรายาก็คือ “คาถา” ในการบันทึกสูตรตำรับยาแก้โรคชนิดหนึ่งๆ บางครั้งผู้บันทึกก็จะเขียนสูตรยาสมุนไพรและบอกว่ามี “คาถากำกับตัวยา” เป็นคาถาอะไร ซึ่งจะพอยกตัวอย่างให้เห็นได้จากเอกสารโบราณ สมุดไทยขาวเรื่อง “สันนิบาตคำกลอน” สมบัติของบ้านหมอเห สายโกสินทร์ อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งปริวรรตเป็นอักษรไทยปัจจุบันแล้วโดย ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน)