“กะล้อห้องเนี่ย สำคัญมาก ขาดไม่ได้เด็ดขาดเลยนะ”
'กะล้อห้อง’ อ่านแค่ชื่อเข้าใจว่าเป็นห้อง ๆ หนึ่งในบ้าน แต่ห้องนี้มีความสำคัญมากสำหรับชาวไทยทรงดำ ความเชื่อและวัฒนธรรม เป็นสิ่งที่ชาวไทยทรงดำยึดเหนี่ยวและรักษาอย่างดี แม้วิถีชีวิตจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัย กะล้อห้องคือห้องสำหรับผีบรรพบุรุษ หรือผีเฮือน อยู่ในกะล้อห้องและเป็นห้องที่คนนอกห้ามเข้า เข้าได้เฉพาะคนในบ้าน
“ไปไหนมาไหน ใครมาบ้านก็ต้องบอกเขาก่อนนะ เขาจะได้รู้”
การบอกกล่าว ขออนุญาตผีเฮือนแจ้งให้ผีเฮือนรับรู้ว่าเราจะทำอะไร เช่น พาคนนอกมาบ้าน สังสรรค์ หรือไปที่ไหนไกลจากบ้าน ชาวไทยทรงดำจะบอกให้ผีเฮือนรู้ว่ามีใครไปไหนมาไหนในบ้านหรือให้ช่วยดูแล เห็นได้ว่าผีเฮือนสำคัญและเป็นส่วนหนึ่งในบ้านเหมือนกันคน
“กะล้อห้องน่ะ ต้องอยู่ลึกสุดของบ้านห้ามคนนอกเข้าเด็ดขาด”
กะล้อห้องเป็นพื้นที่ของจิตวิญญาณ การอาศัยอยู่ด้วยกันกับคนต้องคำนึงถึงกัน ในกลุ่มไทยทรงดำแต่ละบ้านแต่ละจะมีพิธี ‘เสนเรือน’ เป็นพิธีที่คล้ายกับการทำบุญใหญ่ แต่ทำเพื่อเลี้ยงผีบรรพบุรุษ พิธีเสนเรือนจะจัดทุก ๆ 3 ปี ใช้สัตว์เซ่นไหว้ เช่นหมู วัว ควาย ในพิธีเสนของแต่ละผีก็ต่างกันระหว่าง ‘ผีผู้น้อย’ และ ‘ผีผู้ต๊าว’ ผีผู้น้อยคือผีบรรพบุรุษทั่วไป ไม่มียศใดใด จะมีพิธีที่เล็กกว่าโดยเซ่นด้วยหมู ส่วนผีผู้ต๊าวคือผีบรรพบุรุษที่มีเชื้อสายของเจ้า จึงพิธีที่ใหญ่กว่า ของเซ่นไหว้จะมากและเป็นสัตว์ใหญ่
บ้านของคนไทยทรงดำแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ คือ ชานบ้าน กลางบ้าน และท้ายบ้าน ชานบ้านคือพื้นที่โล่ง ไม่ได้แบ่งเป็นห้อง สำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ กลางบ้านคือพื้นที่ใช้ชีวิต เช่น ห้องนอน และส่วนท้ายบ้านคือส่วนของกะล้อห้อง พื้นที่ที่เปรียบเสมือนพื้นที่หวงห้าม มีเพียงคนในบ้านเท่านั้นที่เข้าไปได้ เชื่อว่าต้องตั้งไว้ทางทิศตะวันตกของบ้านเพราะถือว่าเป็นของผี
คนไทยทรงดำมีความเชื่อในเรื่องการสร้างบ้านว่าให้สร้างตามตะวัน ห้ามตั้งขวางตะวันบ้าน จะต้องหันไปทางทิศตะวันออก และภายในบ้านประตูห้องของกะล้อห้องก็ต้องหันไปทางทิศตะวันออกเช่นกัน ในบางบ้านหากไม่มีพื้นที่สำหรับกะล้อห้อง พื้นที่จิตวิญาณก็ยังคงอยู่ เพียงแต่ไม่มีเส้นแบ่งชัดเจน อาจเป็นเพียงมุมเสา (ฐานิดา บุญวรรโณ, 2565,น. 145-146) เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญเรื่องทิศทางที่มีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตหรือการสร้างบ้านเช่นกัน
“แต่ยุคสมัยก็เปลี่ยนแปลง อะไรอะไรก็ต้องเปลี่ยนตามอยู่ดี”
ความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งทีชุมชนแต่ละแห่งต้องเผชิญ เมื่อกาลเวลาผ่านไป ‘ศรีไพร’ หรือ ‘ศรีไพร นันทกิจ’ ได้เล่าให้ฟังว่ารูปแบบบ้านเปลี่ยนจากสมัยก่อน จากที่หลังคาปิดเปลี่ยนไปเป็นหลังคายกสูง เห็นนอกบ้าน เริ่มมีวัสดุหลังคาสังกะสีก็ เปลี่ยนเป็นโครงเหล็กเข้ามา หรือหากยังต้องการรักษาหลังคาแบบดั้งเดิมไว้ ก็เปลี่ยนเป็นโครงสร้างเหล็กแทนไม้ไผ่ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่นำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีหรือความปลอดภัยที่มากขึ้น
“อันนี้น่ะหญ้าคา เดี๋ยวนี้ไม่ได้ใช้กันแล้ว”
บ้านสำหรับคนไทยทรงดำในอดีตมีลักษณะเด่นคือมีหญ้าคาเป็นวัสดุคลุมเป็นหลังคา หลังคาที่คลุมเกือบถึงพื้นนั้นมาจากหญ้าคา เชื่อว่าหากหลังคาปิดมิดแค่ไหน หรือไม่เห็นคนนอกมากแค่ไหนยิ่งดี เพื่อให้คนนอกมองเข้ามาในบ้านไม่ได้และมองไม่เห็นคนในบ้าน บ้านของคนไทยทรงดำในอดีตจึงไม่ค่อยมีหน้าต่าง ส่วนบ้านแบบดั้งเดิมเป็นบ้านมีหลังคาทรงกระดองเต่า เป็นหลังคางุ้มลง ด้านหน้าเชิดขึ้น อาจมองว่าคล้ายกับลักษณะการนุ่งผ้าถุงของผู้หญิงไทยทรงดำ แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งก่อสร้าง (ภูมิชาย พันธุ์ไพโรจน์, 2554, น. 29) หลังคามาจากหญ้าคา ตัวบ้านมาจากเรือนไม้จริงผสมไม้ไผ่ หลังคาทรงกระดองเต่าถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของคนไทยทรงดำ ตัวบ้านมักทำจากไม้ไผ่/ไม้รวก เป็นผลจากการอาศัยในที่ที่มีป่าไผ่ ทำให้บ้านสร้างด้วยวัสดุที่ใกล้ตัวโดยปริยาย รวมทั้งต้นไม้ทางธรรมชาติที่อยู่ใกล้ตัวก็ถูกนำมาใช้ประโยชน์เช่นกัน เช่น ต้นนุ่นนำมาทำเป็นหมอน
ขอกุดและหลังคาทรงกระดองเต่า เป็นเอกลักษณ์ของคนไทยทรงดำตั้งแต่อดีต แม้ในปัจจุบันจะพบเห็นได้ไม่มากนักในชุมชนไทยทรงดำในประเทศไทยและในเวียดนามในอดีต (ภูมิชาย พันธุ์ไพโรจน์, 2554, น. 25) หลังคาถูกเปลี่ยนเป็นหลังคาทรงปั้นหยา สอดรับกับลักษณะภูมิอากาศของประเทศไทยที่ต้องอาศัยหลังคาที่ลาดชัดเพื่อระบายน้ำฝนออก และเป็นหลังคาที่แข็งแรงมากพอที่จะรับแรงพายุและลมได้ วัสดุที่นำมาทำหลังคาทรงปั้นหยาส่วนมากเป็นกระเบื้องทำให้มีแข็งแรง ไม้ไผ่ที่เคยถูกใช้ในอดีตจึงถูกลดทอนลงไป การมีหญ้าคา บ้านยกสูง มีขอกุดหรือกาแล เป็นลักษณะเด่นของล้านของคนไทยทรงดำ เมื่อกาลเวลาผ่านไป วิถีชีวิตก็ย่อมเปลี่ยนแปลงตาม ความเจริญเริ่มเข้าถึงทำให้บ้านเองก็เปลี่ยนไปด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ ด้วยวัสดุที่มาแทนที่หรือสามารถแทนกันได้ ในทางกลับกัน วัฒนธรรมความเชื่อของคนไทยทรงดำได้ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปตามบริบท
ความเชื่อและวัฒนธรรมในบ้านของไทยทรงดำแสดงผ่าน ‘กะล้อห้อง’ อย่างชัดเจน การอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษในบ้านแสดงให้เห็นว่าผีเฮือนสำคัญกับชาวไทยทรงดำมาก ผีบรรพบุรุษไม่ได้อยู่โลกอื่น แต่ยังคงอยู่กับชาวไทยทรงดำในโลกเดียวกัน บ้านเดียวกัน และใช้พื้นที่ร่วมกัน การเสนเรือนตอกย้ำถึงความสำคัญของผีบรรพบุรุษ คนและผีบรรพบุรุษได้มีพื้นที่สื่อสารกัน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเครือญาติในหมู่คนไทยทรงดำอีกด้วย และยังถือเป็นการเสริมพลังความศักดิ์สิทธิ์ให้กับพื้นที่ของจิตวิญญาณ (ฐานิดา บุญวรรโณ, 2565,น. 154) กล่าวได้ว่าวิถีชีวิต ความเชื่อ และวัฒนธรรมของชาวไทยทรงดำไม่ได้ถูกดำเนินไปตามที่เคยเป็นมา แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวของของชุมชนที่เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ ตัวอย่างของสถาปัตยกรรมเรื่องบ้านของชาวไทยทรงดำที่เปลี่ยนไปจากอดีตอย่างมากในปัจจุบัน การปรับตัวตามสถานการณ์นั้นไม่มีผลต่อความเชื่อและวัฒนธรรมของชาวไทยทรงดำมากนักเมื่อความเชื่อยังเป็นที่ผูกติดอยู่กับการสร้างบ้านและอาศัยในบ้าน