ความเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตในชุมชนไทยทรงดำ
ฟ้าใส ครุฑธาโรจน์
โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
บ้านหัวเขาจีน เป็นนามเรียกขานถิ่นที่อยู่อาศัยของกลุ่มชนชาติพันธุ์หนึ่งเรียกว่า “ไทยทรงดำ”ตามประวัติกล่าวว่า ชาวไทยทรงดำได้อพยพย้ายถิ่นฐานมาจากดินแดนที่ห่างไกลและได้เข้ามาจับจองพื้นที่จนพัฒนากลายเป็นหมู่บ้านในปัจจุบัน พยายามรักษาและอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมการประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวไทยทรงดำไว้จนได้รับการคัดเลือกให้เป็นหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 1ทำให้เกิดประโยชน์ต่อชาวบ้านหลายด้าน เช่น ด้านการสร้างรายได้ จากการทำโฮมสเตย์ในหมู่บ้านผลิตผ้าขาวม้าทอมือ ทำเครื่องจักสาน เป็นต้น
ชาวบ้านประกอบอาชีพหลัก เช่น การทำเกษตร ทำนา ทำไร่ ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์และใช้ทุนทางวัฒนธรรมประกอบอาชีพเสริม โดยการเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมชาวบ้านส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ รวมทั้งความเชื่อเกี่ยวกับการนับถือผี จะเซ่นไหว้ผีในเดือนหก แปดสิบสองของทุกปี ชาวไทยทรงดำ(ลาวโซ่ง) เรียกว่า เสนบ้าน/เสนเรือนสมาชิกในครอบครัวจะได้รับการสอนให้รู้จักแลนับถือผีบรรพบุรุษประจำตระกูลของตนแต่ละครอบครัวกำหนดให้ต้นผี (ผีต๊าว) โดยมีการสืบทอดตามบรรพบุรุษหากผู้ที่ได้รับการสืบทอดเสียชีวิตเรียกว่า “ผีผู้ต๊าว” ต้องฆ่าควายเพื่อเซ่นไหว้เท่านั้นแต่ถ้าเป็นคนลาวโซ่งทั่วไป เมื่อเสียชีวิตเรียกว่า “ผีผู้น้อย” ฆ่าหมูเวลาเซ่นไหว้มีผู้สืบทอดประเพณีและทำพิธีกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เกิดสิริมงคล โชคดีและมีความสุขในครอบครัวญาติพี่น้องที่อยู่ไกลหรือใกล้จะต้องกลับมาร่วมประกอบพิธี
ชาวไทยทรงดำมีเอกลักษณ์เด่นเป็นของตนเองอย่างชัดเจนทั้งเรื่องภาษาพูด รวมถึงการแต่งกายชาวบ้านจะนิยมใส่เสื้อผ้าสีดำหรือสีครามเข้มและมีพื้นฐานการทอผ้าที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษที่ทอผ้าใช้ในครัวเรือน โดยมีผ้าซิ่นลายแตงโมที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญของชนเผ่ามีการสืบทอดภูมิปัญญาสู่ชนรุ่นหลังจึงเกิดพัฒนาการการทอผ้าที่เหมาะกับการใช้ประโยชน์และความต้องการของผู้ที่สนใจการทอผ้าขาวม้า
แม้ชุมชนแห่งนี้ยังคงสืบทอดและอนุรักษ์วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมแต่อุตสาหกรรมเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น ทำให้ชุมชนแห่งนี้เดือดร้อนทั้งมลพิษทางน้ำและทางอากาศด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงได้ลงพื้นภาคสนามณ ชุมชนไทยทรงดำ บ้านหัวเขาจีน ตำบลห้วยยางโทน อำเภอปากท่อจังหวัดราชบุรี โดยจากการสัมภาษณ์
“ตอนแรกชาวบ้านไม่รู้ว่าที่ดินแห่งนี้จะกลายเป็นโรงหมูจึงได้ขายที่ให้กับนายทุนไปจากนั้นที่ดินตรงนั้นก็กลายเป็นโรงหมู”
ชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงได้รับผลกระทบจากการทำโรงงานสุกรปัญหาแรก คือกลิ่นอุจจาระสุกรจากโรงงานสุกรหรือสารเคมีต่าง ๆ ที่กระจายฟุ้งออกมาทำให้เกิดมลพิษทางอากาศทำลายสุขภาพของชาวบ้านสาเหตุที่โรงงานอุตสาหกรรมก่อสารมลพิษทางอากาศเกิดจากกระบวนการผลิตในโรงงานที่ก่อให้เกิดเชื้อเพลิงเผาไหม้ นำไปสู่ก๊าซพิษและเขม่าควันขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ามลพิษเหล่านี้จะลอยออกมาเจือปนอยู่ในอากาศในปริมาณที่สูง นอกจากส่งผลกระทบต่อสุขภาพเมื่อสูดดมแล้วยังทำลายชั้นบรรยากาศ 2 ปัญหาใหญ่ตามมาคือแมลงวันมีเพิ่มจำนวนขึ้นมาก แมลงวันเป็นพาหะของโรคแมลงวันบ้าน แมลงวันหัวเขียว และแมลงวันหลังลาย นำโรคติดต่อมนุษย์ได้โดยเฉพาะโรคติดต่อทางเดินอาหาร เช่น บิด ไทฟอยด์ อาหารเป็นพิษอหิวาตกโรคและโรคหนอพยาธิบางชนิด นอกจากนั้น ยังนำโรคเรื้อน โปลิโอ โรคผิวหนังบางชนิด เช่นคุดทะราด โรคติดต่อทางตา ก่อให้เกิดความรำคาญ ในพื้นที่มีแมลงวันซุกชุมพบว่าแมลงวันเป็นสาเหตุหรือเป็นตัวที่ทำให้เกิดความรำคาญมากที่สุดทั้งในร้านค้า ร้านอาหารตลอดจนบริเวณที่พักผ่อนหย่อนใจมันจะเป็นตัวก่อให้เกิดปัญหาโดยเฉพาะระหว่างการรับประทานอาหารแมลงวันที่พบตามฟาร์มปศุสัตว์ ก่อให้เกิดปัญหาด้านปศุสัตว์อย่างมหาศาลได้ เป็นตัวพา (carrier) ไข่พยาธิต่างๆ โดยการที่แมลงวันไปหากินบนอาหารที่มีไข่พยาธิอยู่ไข่พยาธิจะติดไปกับตัวแมลงตามส่วนของลำตัวและในลำไส้อาจถูกแมลงเขี่ยหลุดลงไปปนกับอาหารที่คนกินได้ เป็นตัวนำเชื้อโรคบางชนิดในสัตว์เลี้ยง เช่น เป็นตัวนำTrypanasoma spp. ซึ่งทำให้เกิดโรคในม้าและลาหากคนและสัตว์กินตัวหนอนของแมลงวันหัวเขียวและแมลงวันหลังลาย อาจทำให้คนและสัตว์เกิดอาการIntestinal myiasis หรือการที่แมลงวันหัวเขียวมาวางไข่ตามบาดแผลคนและสัตว์ก็จะเกิด myiasisได้เช่นกัน 3
ด้วยจำนวนแมลงวันที่เพิ่มจำนวนขึ้นทำให้การดำเนินชีวิตของชาวบ้านยากลำบากมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะชาวบ้านที่ทำร้านค้า ร้านอาหาร ต้องระมัดระวังในการจัดการด้านสุขอนามัยประกอบอาหารที่ถูกต้องเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้บริโภค รวมถึงผู้ที่ทำการเกษตรและเลี้ยงสัตว์ต้องจัดการสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมที่ดีโรงงานสุกรต้องมีการจัดการที่มีความเข้มงวดในการทิ้งหรือทำลายวัสดุอินทรีย์ มูลสัตว์ ซากสัตว์ให้แน่ใจว่าจะไม่แพร่เชื้อออกมาสู่ชุมชนรอบ ๆ ถึงแม้แมลงวันจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆจากการทำโรงงานสุกร แต่ชาวบ้านในบริเวณนี้ก็ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้แม้จะมีการส่งเรื่องเพื่อให้ยุติกิจการโรงงานสุกรอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ เนื่องจากชาวบ้านอ้างว่า“นายทุนที่เข้ามาทำกิจการค่อนข้างที่จะมีชื่อเสียงและมีอำนาจ ชาวบ้านเลยทำได้แค่ทนอยู่ในละแวกนี้ต่อไป”
ชาวบ้านบางคนได้รับผลกระทบมากถึงขั้นต้องย้ายบ้านเรือนเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการทำโรงงานสุกรดังกล่าว เพราะไม่กล้าสู้กับนายทุนที่มีอำนาจเหนือกว่าตระหนักว่าตนเป็นเพียงชาวบ้านตัวเล็กๆ จะให้สู้กับนายทุนอำนาจเหนือกว่าคงเป็นเรื่องยากอย่างไรก็ตามชาวบ้านที่ยังอาศัยอยู่บริเวณนี้ก็ยังคงดำเนินวิถีชีวิตต่อไปหากแต่อาจมีแนวทางในการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อปรับตัว หลีกเลี่ยงและเอาตัวรอดจากผลกระทบของการทำโรงงานสุกร ตามความเหมาะสมของตนเองและยังคงมีการสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยทรงดำให้กับรุ่นลูกรุ่นหลานสืบต่อไป
เก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 11-14 สิงหาคม 2566
ณ ชุมชนไทยทรงดำ บ้านหัวเขาจีน, ตำบล ห้วยยางโทน, อำเภอ ปากท่อ, จังหวัด ราชบุรี