ตามความเชื่อของพุทธเถรวาท หมายถึงพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปทึ่จะมาตรัสรู้ถัดจาก โคตมพุทธเจ้า โดยพระนามของพระองค์มีการเรียกแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาคทางวัฒนธรรม ได้แก่ ในประเทศญี่ปุ่นเรียกว่า 弥勒菩薩 (Miroku Bosatsu) จีนเรียก 彌勒菩薩 (Mile Pusa) และเกาหลีเรียก 미륵보살 (Mireuk Bosal) คนไทยเรียกว่า พระศรีอริยเมตไตรย หรือพระศรีอาริย์
ในคติของพุทธศาสนานิกายมหายานของญี่ปุ่น มีข้อสังเกตทางภาษาศาสตร์ที่น่าสนใจ คือ พระนามของพระองค์ไม่ลงท้ายด้วยคำว่า "Butsu" (仏) ซึ่งหมายถึงพระพุทธเจ้า แต่ลงท้ายด้วยคำว่า "Bosatsu" (菩薩) หรือ "Kannon Sama" (観音様) อันหมายถึงพระโพธิสัตว์ สะท้อนให้เห็นสถานะปัจจุบันที่ยังมิได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ตามประติมานวิทยาพุทธศาสนาญี่ปุ่น หน้ากากมิโรกุ โบซัตสึ ได้รับการออกแบบตามอุดมคติทางพุทธศาสนานิกายมหายานของญี่ปุ่น โดยแสดงพุทธลักษณะที่สำคัญ คือ พระพักตร์ที่แสดงถึงความสงบนิ่ง พระกรรณยาว และพระเนตรที่ทอดลงเบื้องล่าง สื่อถึงการรอคอยเวลาที่จะเสด็จลงมาโปรดสัตว์โลก ภายหลังจากพระธรรมของพระพุทธเจ้าโคดมได้สูญหายสิ้นแล้วเมื่อพุทธศาสนามีอายุครบ ๕,๐๐๐ ปี
ในคติพุทธศาสนามหายาน นิยมบูชาพระองค์ด้วยความปรารถนาที่จะได้เกิดร่วมสมัยกับการตรัสรู้ของพระองค์ ซึ่งสอดคล้องกับคติในพุทธศาสนาเถรวาทที่เรียกช่วงเวลาดังกล่าวว่า "ยุคพระศรีอารย์" ซึ่งมีการพรรณนาถึงลักษณะสังคมในอุดมคติ (Utopia) ที่จะเกิดขึ้นในยุคดังกล่าว ประกอบสำคัญ ดังนี้