กฤษฏิ์ ภูเจริญ และ ธัญญกร ดวงงาม
โบราณสถานวัดถ้ำพระพุทธ ตั้งอยู่ในตำบลหนองบัว อำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง ชื่อ “วัดถ้ำพระพุทธ” หรือ”วัดถ้ำพระ” มีที่มาจากการพบพระพุทธรูปปางต่าง ๆ จำนวนมากภายในถ้ำโดยชาวบ้านในพื้นที่ที่เข้าไปปรับพื้นที่เพื่อก่อสร้างอาคาร ทำให้ได้พบกับหลักฐานทางโบราณคดีเพิ่มเติม ได้แก่ โครงกระดูกมนุษย์พร้อมกับโบราณวัตถุ อาทิ ขวานหินขัด หินกะเทาะ เปลือกหอย และกระดูกสัตว์ ซึ่งกำหนดอายุอยู่ในช่วงประมาณ 6,000 – 3,000 ปีมาแล้ว หรือตรงกับสมัยหินใหม่ ทั้งนี้ยังพบตะกรันโลหะชนิดต่าง ๆ จึงคาดว่ามีการใช้พื้นที่คาบเกี่ยวต่อมาจนถึงสมัยโลหะ นอกจากนี้ยังมีการพบหลักฐานอื่น ๆ อาทิ พระพุทธรูปปางปรินิพพาน พระพุทธรูปปางเทริดมโนราห์และพระเกตุมาลาเป็นรูปเปลวเพลิง พระพุทธรูปสวมลอมพอก พระพุทธรูปทรงเครื่องยืนแสดงปางห้ามญาติ 3 องค์ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 23 – 24 โดยมีองค์ประกอบต่าง ๆ ได้แก่ พระพุทธรูปเนื้อหยก พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปทองสำริด ทั้งยังงพบ ถ้วย ชาม ขัน ฆ้อง รวมถึงเตาเผาสำหรับหลอมภาชนะและหลอมพระพุทธรูปจำนวน 8 เตา
หลักฐานสำคัญอย่างหนึ่งที่พบภายในโบราณสถานแห่งนี้ คือ พระพุทธรูปปางต่าง ๆ ทำให้ในปี พ.ศ. 2464 วัดถ้ำพระแห่งนี้จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดถ้ำพระพุทธแล้วชาวบ้านใช้ชื่อนี้มาจนถึงปัจจุบัน พระพุทธรูปที่พบองค์สำคัญ อาทิ พระพุทธรูปที่ตั้งอยู่เชิงผา โดยจะหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ฐานมีลักษณะเป็นช่องรองรับด้วยเศียรช้างปูนปั้น หรือที่เรียกว่า “ช้างแบก” รวมทั้งสิ้น 9 ช่อง บริเวณปลายพระบาทของพระพุทธรูปมีพระพุทธรูปทรงเครื่องและยังมีพระเจดีย์องค์เล็กอีกองค์หนึ่ง ปัจจุบันได้สร้างศาลาครอบถ้ำเอาไว้เพื่อรักษาให้พระพุทธรูปไม่ได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้ยังมีตำนานที่เกี่ยวข้องซึ่งมีผู้เล่าขานต่อกันมาและเชื่อกันว่ามีเรื่องราวใกล้เคียงกับประวัติความเป็นมาของเขาสามบาตร ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเดินทางติดต่อกันระหว่างเมืองตรังกับเมืองนครศรีธรรมราชในอดีต โดยมีพระบรมธาตุเป็นศูนย์รวมเรื่องราวที่เกิดจากความศรัทธาในศาสนาพุทธของผู้คน ตัวอย่างเช่น ตำนานเมืองพัทลุงเล่าว่านางเลือดขาวผู้นำเมืองพัทลุงได้รวบรวมข้าวของ แก้วแหวนเงินทอง พระพุทธรูปปางต่าง ๆ ที่ได้มาจากชมพูทวีป เดินทางผ่านจังหวัดตรังเพื่อไปทำบุญสมทบการสร้างพระธาตุที่เมืองนครศรีธรรมราช เมื่อทราบข่าวว่าพระธาตุสร้างเสร็จแล้วจึงได้นำทรัพย์สมบัติทั้งหมดมาฝังในถ้ำแล้วสร้างพระนอนปิดปากถ้ำไว้ ทั้งนี้ก็มีอีกหนึ่งความเชื่อหนึ่ง คือ ในคราวที่มีศึกสงครามกับพม่า ผู้คนที่หนีมาซุกซ่อนได้สร้างพระพุทธรูปและถ้วยชามไว้
จากข้อมูลทั้งหมดข้างต้น จึงสรุปได้ว่าวัดถ้ำพระพุทธคาดว่าเคยถูกใช้เป็นที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยหินใหม่และได้มีการใช้พื้นที่ต่อมายังสมัยโลหะ นอกจากนี้ยังมีการใช้พื้นที่เป็นแหล่งผลิตในยุคประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา ดังเช่น การผลิตพระพุทธรูปปางต่าง ๆ รวมทั้งมีการสร้างพระพุทธรูปปางเทริดมโนราห์ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือของช่างท้องถิ่น นอกจากนี้ยังพบเตาสำหรับหลอมพระพุทธรูปอีกด้วย
เอกสารอ้างอิง
ดีบุก เต็มมาศ. “การศึกษาพัฒนาการของชุมชนโบราณในเขตพื้นที่ลุ่มแม่น้ำตรังในสมัยประวัติศาสตร์ก่อนพุทธศตวรรษที่ 24 จากหลักฐานทางโบราณคดี.” (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2557)
สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. (2549). โครงการศึกษาเพื่อประกาศเขตอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรมเขาสามบาตร. ตรัง: พีพี พรินท์ติ้ง.
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดตรัง. วัดถ้ำพระพุทธ. สืบค้นเมื่อ 20 มกราคม พ.ศ. 2567. เข้าถึงได้จาก https://www2.m-culture.go.th/trang/ewt_news.php?nid=1629&filename=index.
แหล่งโบราณคดีถ้ำวัดหรือถ้ำพระ (วัดถ้ำพระพุทธ). สืบค้นเมื่อ 20 มกราคม พ.ศ. 2567. เข้าถึงได้จาก https://culturalenvi.onep.go.th/site/detail/5369#:~:text=วัดถ้ำหรือถ้ำพระ,9%20ช่อง%20ส่วนด้านปลาย
MGR Online. เยือนเมืองพระยารัษฎาฯ แวะเพลินตาที่วัดถ้ำพระพุทธ. สืบค้นเมื่อ 19 มกราคม พ.ศ. 2567. เข้าถึงได้จาก https://mgronline.com/south/detail/9560000139977.