ธัชรวี โพธิ์วัฒนาดิลก และธัญพิชชา บุญธรรม
คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
ผ้าจกคือผ้าทอรูปแบบหนึ่ง ปรากฎแพร่หลายในกลุ่มชาติพันธุ์ไทยวน ใช้เทคนิคในการทอพิเศษคือ การทำลวดลายโดยเพิ่มด้ายเส้นพุ่งเป็นระยะ ไม่ได้ติดต่อกันตลอดหน้ากว้างของผ้า โดยใช้ไม้ มือ หรือขนเม่น จก (การจก หมายถึง การล้วง ควักหรือเอาขึ้นมา) ด้ายเส้นยืนขึ้นมาแล้วจึงสอดด้ายเส้นพุ่งเข้าไป การใช้เทคนิคเช่นนี้จึงทำให้เกิดลวดลายเป็นช่วง ๆ อีกทั้งยังสลับสีหรือสลับลวดลายได้ การทอผ้าจกมักจะทอเป็นเชิงผ้าซิ่นเรียก “ผ้าซิ่นตีนจก” ด้วยเทคนิคดังกล่าวที่ต้องใช้ความอดทนและความสามารถของผู้ทอ การทอผ้าจกจึงนับได้ว่าเป็นเทคนิคขั้นสูงในการทอผ้าที่ต้องใช้เวลาทอมากกว่าการทอผ้าแบบอื่น ๆ ลักษณะของผ้าจกจะแตกต่างกันไปตามพื้นที่ ฝีมือ และความนิยมของช่างทอ
พื้นที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีกลุ่มชาติพันธุ์ไทยวนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ผ้าซิ่นตีนจกจะมีลักษณะแตกต่างจากกลุ่มไทยวนกลุ่มอื่น ๆ เนื่องจากชุมชนในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม ตั้งอยู่ในหุบเขา คล้ายเป็นพื้นที่ปิด ทำให้การติดต่อระหว่างชุมชนและวัฒนธรรมภายนอกเป็นไปได้ยากกว่ากลุ่มไทยวนในพื้นที่อื่น ส่งผลให้ลักษณะทางวัฒนธรรมของกลุ่มไทยวนแม่แจ่มยังคงรักษาความดั้งเดิมเอาไว้อย่างเข้มข้น
ลักษณะของผ้าซิ่นตีนจกแม่แจ่ม ส่วนตีนจกจะใช้เทคนิคการสอดด้ายเส้นพุ่งเป็นระยะ ๆ โดยนำขนเม่นจกเส้นด้ายขึ้นมาบนผ้า แล้วคว่ำหน้าผ้าลงบนกี่ทอ ลายที่จกจึงอยู่ทั้งด้านล่างและด้านบน อีกทั้งยังดูเป็นระเบียบเพราะสามารถเก็บปมฝ้ายได้ดี เมื่อทอเสร็จจะสวยงามทั้งด้านในและด้านนอก ทำให้สามารถนุ่งได้ทั้งสองด้าน นอกจากนี้ยังมีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของผ้าจกแม่แจ่มที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นคือเป็นลายโคมรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนตรงกลาง มีลายห้องนก และลายขันประกอบทั้งด้านบนและล่างของแถบลายโคม เส้นด้ายในแต่ละลายจะถูกทอจนเต็มแน่นไม่ให้มีช่องว่าง สีสันและเทคนิคที่แตกต่างกันไปตามความต้องการของผู้ทอแต่ละคนนี้ ทำให้ลวดลายของผ้าจกแม่แจ่มมีความสวยงามและหลากหลาย ลวดลายที่เป็นที่นิยมของผ้าซิ่นตีนจกแม่แจ่ม เช่น ลายหละกอน ลายขันสามแอว ลายนาคกุม เป็นต้น โดยองค์ประกอบของลวดลายบนผ้าจก เช่น โคม หงส์ น้ำต้น อาจเชื่อมโยงถึงสัญลักษณ์ในความเชื่อทางพุทธศาสนา เช่น เขาพระสุเมรุ ทะเลสีทันดร สวรรค์หรือจักรวาลด้วย
ความสำคัญของผ้าซิ่นตีนจกแม่แจ่ม นอกจากความงดงามและการแสดงถึงอัตลักษณ์ของชาวไทยวนในอำเภอแม่แจ่มแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของสตรีชาวแม่แจ่มที่ผูกพันกับการทอผ้าด้วย เนื่องจากชาวไทยวนแม่แจ่มในอดีตนิยมทอผ้าไว้ใช้ในครัวเรือน ทำให้สตรีแม่แจ่มต้องเริ่มเรียนรู้วิธีการทอผ้าตั้งแต่เด็ก เริ่มตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบคือฝ้าย ซึ่งต้องนำเข้ามาจากพื้นที่อื่น และไม่นิยมใช้ไหม เพราะมีราคาแพง ไปจนถึงการทอเป็นผ้าชนิดต่าง ๆ ทั้งผ้าซิ่น ผ้าสลี (ผ้าปูที่นอน) ผ้าต้วบ (ผ้าห่ม) รวมถึงผ้าซิ่นตีนจกที่ถือว่าเป็นผ้าสำคัญที่ผู้หญิงแม่แจ่มต้องมีไว้เป็นของตนเองอย่างน้อยหนึ่งผืน เป็นผ้าที่มีค่ามากที่สุดในหมู่ผ้าซิ่น ถือเป็นสิ่งเชิดหน้าชูตาของช่างทอและผู้สวมใส่ นิยมใช้นุ่งไปงานปอย (งานบุญ) งานครัวตาน หรืองานที่เกี่ยวข้องกับศาสนา สตรีแม่แจ่มจะทอผ้าซิ่นตีนจกผืนที่ดีที่สุดไว้สำหรับให้ตนเองนุ่งในวาระสุดท้ายของชีวิต และทอไว้สำหรับทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ตนเอง ตามความเชื่อว่าเมื่อตายแล้ว จะได้ไปไหว้พระธาตุเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ และมีซิ่นตีนจกนุ่งในชาติหน้า วิถีชีวิตของผู้คนที่สะท้อนผ่านผ้าซิ่นตีนจกนี้ เป็นอีกหนึ่งคุณค่าที่ทำให้ผ้าซิ่นตีนจกแม่แจ่ม กลายเป็นหลักฐานทางภูมิปัญญาด้านงานหัตถกรรม (Craftmanship) และมรดกทางวัฒนธรรมอันจับต้องไม่ได้ที่สำคัญ ควรค่าแก่การสืบทอดรักษาไว้อย่างยิ่ง
อ้างอิง
ปาณี เดชวิทยาพร. (2546). นานาผ้าจกไท-ยวน. กรุงเทพฯ: แม็ค.
ฝอยทอง สมบัติ. (2557). ผ้าตีนจกแม่แจ่ม. เชียงใหม่: เฮือนสืบสานผะหญาแม่แจ่ม.
นุสรา เตียงเกตุ. (2545). ลายจกแม่แจ่ม. เชียงใหม่: นพบุรีการพิมพ์.