รูปที่ 1 ปืนยาง
หมายเหตุ. จาก นิทรรศการช่างคิด ช่างทำ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
ปืนยางที่จัดแสดง ณ นิทรรศการช่างคิด ช่างทำ มีความยาว 90 เซนติเมตร เป็นอาวุธที่ยังคงมีการใช้งานอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน มักนิยมใช้ในการล่าสัตว์ขนาดเล็กโดยใช้คู่กันกับลูกดอก ปัจจุบันผู้คนมักนิยมล่ายิงหนูในช่วงกลางคืน ส่วนสถานที่ที่มีแหล่งน้ำ เช่น ห้วย คลอง หรือแม่น้ำ จะมีการใช้ปืนที่ติดรอกและผูกกับสายเอ็นไปที่โคนลูกดอก เพื่อใช้ในการล่ายิงปลาที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ
นอกจาก "ปืนยาง" เรายังสามารถเรียกชื่ออื่น ๆ ที่แตกต่างออกไป เช่น
1. ปืนผา ซึ่งเข้าใจกันว่า เป็นปืนไม่มีลำกล้องปลายปืนตัด ลูกดอกพุ่งออกที่ปลายตัด มีใช้มานานแล้วคู่กันกับหน้าไม้ จึงเรียกให้สอดคล้องว่า “ปืนผา หน้าไม้”
2. ปืนเปรียง เป็นอาวุธพื้นบ้านที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมในพื้นที่อำเภอปะคำและอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยปืนเปรียงนั้นมีลักษณะเป็นอาวุธที่ทำขึ้นจากวัสดุภายในท้องถิ่น โดยเฉพาะไม้และวัสดุที่หาได้ง่าย ปืนเปรียงมักทำจากไม้เป็นหลัก โดยจะมีรูปทรงที่ค่อนข้างเรียบง่าย คล้ายกับปืนยาง แต่จะมีเอกลักษณ์ที่เฉพาะเจาะจงตามวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น ขนาดและการตกแต่งที่แตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ โดยทั่วไปแล้วปืนเปรียงจะถูกใช้ในการล่าสัตว์ขนาดเล็ก เช่น นกหรือกระต่าย
3. ปืนยิงหนู มักเป็นชื่อที่ใช้เรียกกันมาตั้งแต่โบราณ ใช้ในการล่ายิงหนูพุก หนูท้องขาวที่เข้ามากินข้าวและผลผลิตทางการเกษตร ลักษณะของปืนยิงหนูจะเรียบง่ายและสามารถทำได้จากวัสดุทั่วไป เช่น ไม้หรือเหล็ก โดยมีลักษณะคล้ายกับปืนสั้นที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด สะดวกต่อการหยิบใช้
4. ปืนยิงปลา เป็นเครื่องมือที่ใช้ยิงปลา ตามห้วย คลอง แม่น้ำ
วิธีการทำปืนยาง
1. การเตรียมไม้เริ่มต้นด้วยการเลือกไม้ที่มีความแข็งแรงและเหมาะสม โดยต้องเหลาหรือปั้นไม้ให้มีรูปทรงคล้ายปืน ซึ่งควรมีความยาวประมาณ 120-160 เซนติเมตร ให้ได้สัดส่วนที่พอเหมาะ
2. การเซาะร่องที่สันด้านบนของไม้ ให้ทำการเซาะร่องเป็นรางยาวจากปลายปืนไปจนถึงโคนที่คอจับ เพื่อใช้ในการวางลูกดอก
3. การเจาะรูจากปลายรางเข้าไปประมาณ 10 เซนติเมตร ให้เจาะรูด้านข้างใต้ราง โดยให้รูทะลุจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง ซึ่งจะใช้สำหรับสอดเหล็กเส้น
4. การติดตั้งเหล็กเส้นใช้เหล็กเส้นเล็กที่มีขนาดพอเหมาะกับรูที่เจาะไว้ สอดเหล็กเส้นนี้ให้ปลายโผล่ออกมาด้านข้างยาวประมาณ 6 เซนติเมตร และใช้หนังยางผูกติดปลายเหล็กทั้งสองข้าง แต่อีกข้างหนึ่งจะมัดด้วยเชือก
5. การทำโคนลูกดอกที่โคนล่างของราง (ด้านล่าง) ให้ทำการเจาะรูเหมือนกับรูแรก แล้วใช้เหล็กเส้นที่ยาวประมาณ 24 เซนติเมตร สอดเข้ากับรูที่เจาะ โดยให้ปลายเหล็กนี้พับแนบไปยังรางลูกดอก เพื่อใช้งานในการขัดโคนลูกดอก
6. การติดตั้งหนังยางใช้เส้นหนังยางผูกปลายเหล็กที่ตัวปืน โดยให้ใช้ตะปูยึดติดไว้ที่ด้านข้าง จนกระทั่งปลายเหล็กที่โผล่ขึ้นด้านตรงข้าม ดัดม้วนเล็กน้อยขึ้นด้านบน จากนั้นให้ดัดกลับให้ปลายชี้ไปทางพานท้ายซึ่งจะทำหน้าที่เป็นไก
7. การยิงลูกดอกเมื่อกดปลายเหล็กที่ใช้ขัดโคนลูกดอก จะทำให้เหล็กนั้นขยับขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ลูกดอกพุ่งไปตามรางด้วยแรงดึงดีดของหนังยาง สร้างความสำเร็จในการยิงลูกดอกไปข้างหน้า
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://traditional-objects.sac.or.th/th/equipment-detail.php?ob_id=13
รูปที่ 2 ปืนยาง
หมายเหตุจาก. หนังสือ ล่า ดัก จับ กับ ดัก อีสาน หน้า 16
แหล่งอ้างอิง
ทำนุ วรธงไชย. 2551. ล่า ดัก จับ กับ ดัก อีสาน. กรุงเทพฯ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน).