ประวัติศาสตร์ชุมชนของบ้านโนนเรือง หมู่ที่ 6 หมู่ที่ 18 ตำบลบ้านค้อ อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น
แบ่งเป็น 2 ช่วงคือ 1. การก่อตั้งชุมชน 2. ยุคพัฒนาสู่เศรษฐกิจทุนนิยม
การก่อตั้งชุมชน
ประวัติความเป็นมาบ้านโนนเรื่อง หมู่ 6 มีผู้เฒ่าผู้แก่เล่าต่อ ๆ กันมาว่ามีหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่ง มีชื่อบ้านโจดแพงซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของบ้านโนนเรืองในปัจจุบัน หมู่บ้านโจดแพงนี้ไม่มีโครทราบว่าได้อพยพมาจากแห่งหนใด
ไม่มีใครทราบหมู่บ้านนี้มี 30 หลัง คนในหมู่บ้านประมาณ 600 คน อาชีพทำนาทำสวนทำมาหากินตามประสาคนโบราณ
ต่อมาในราว พ.ศ. 2452 มีบุคคลหนึ่งได้เล่าเรียนวิชาอาคมทางไสยศาสตร์ และเครื่องรางของขลังท่านผู้นี้มีชื่อว่า “พ่อชินนะโคตร” ท่านเป็นที่ยอมรับนับถือของชาวบ้าน แต่เมื่อต่อมาจากคนที่เป็นที่เคารพนับถือกลายมา
เป็นคนที่หน้าหวาดกลัวและเสนียดจันไรของหมู่บ้าน คงเป็นเพราะปฏิบัติตามข้อห้ามในการเรียนวิชาอาคมไม่ใด้จึงได้กลายเป็นผีปอบสิงคนในหมู่บ้านในเวลาเจ็บป่วยหรือคลอดลูก ผีปอบพ่อชินนะโคตรก็เข้าสิงจนคนป่วยตายไปเรื่อย ๆ เป็นในหมู่บ้าน ไม่เป็นอันที่จะทำมาหากิน นานเข้าจึงได้ปรึกษาหารือกันขับไล่ พ่อชินนะโคตรให้ออกจากไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน ทำให้ชาวบ้านยังมีความหวาดระแวงไม่มีความสุข ผู้เฒ่าผู้แก้ได้เล่าต่อกันมาอีกว่ามีท่านผู้ชื่อว่า เพียรพิจิตร แต่นามสกุลจำไม่ใด้ ท่านผู้นี้จึงได้ปรึกษาหารือกับชาวบ้านว่าถ้ำพวกเรายังอยู่ในหมู่บ้านนี้ต่อไปคงจะไม่เจริญ แต่ชาวบ้านก็ทนอยู่มาได้จนถึงราว พ.ศ. 2454 ปีกุล จึงได้พากันอพยพจากบ้านโจดแพง มาตั้งบ้านเรือนขึ้นที่ขี้หมาผาะเพราะสมัยนั้นหมาจิ้งจอกมีมาก หมาจิ้งจอกเหล่านั้นได้รวมกันมาขี้ไว้ที่เดียวกันจนกลายเป็นกอง ได้เรียกว่า "บ้านโนนขี้หมาเผา"อีกส่วนหนึ่งที่ย้ายออกจากบ้านโจดแพงด้วยกันก็ได้ไปบุกถางบำอยู่ที่ป่าหนองหว้า จนได้ตั้งชื่อว่า "บ้านหนองหว้า" ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของบ้านโจดแพงเดิม มีหัวหน้าคือ “พ่อใหญ่กำ” แต่เมื่อพ่อใหญ่กำได้ตายจากไป คนในบ้านนั้นก็ขาดความอบอุ่นเพราะสูญสียสำคัญในหมู่บ้าน และได้มองเห็นว่าซาวบ้านโนนขี้หมาเผาะกินอยู่ดีกินดี จึงได้พากันย้ายจากบ้านหนองหว้าเข้ามาอยู่ร่วมกับบ้านโนนขี้หมาเผาะ ทำให้บ้านเรือนก็หนาแน่นขึ้น แต่ว่าไม่ทราบว่าย้ายมาในปี พ.ศ.ใด ส่วนพระสงฆ์ที่ติดตามญาติโยมมาได้ช่วยกันถางป่าเพื่อตั้งวัดขึ้นทางแต่ผู้เฒ่าไม่ได้บอกว่าพระสงฆ์รูปนั้นชื่อว่าอย่างไร ต่อจากนั้นมาก็พากันบุกเบิกถางป่าปลูกบ้านเรือนขึ้นอย่างหนาแน่นจึงได้เลือก “ท่านพ่อเพียพิจิตร” เป็นผู้ใหญ่บ้านปกครองบ้านโนนขี้หมาเผาะ เมื่ออยู่มาคนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ไม่ชอบชื่อบ้านไม่ไพเราะ ไม่เป็นสิริมงคล จึงได้ปรึกษาหารือกันของผู้เฒ่าผู้แกในหมู่บ้าน เช่น พ่อใหญ่ลา พิมพ์ตรีพ่อสังข์ โนนสว่าง และผู้ใหญ่เพียพิจิตร ผู้ใหญ่บ้าน จึงได้คุยกันในการจะเปลี่ยนชื่อหมู่บ้าน จึงได้มองเห็นต้นไม้ใหญ่กว่าต้นไม้อื่นทั้งหลาย และอยู่บนพื้นที่สูงกว่าต้นไม้อื่นทั้งหมดชื่อว่า "ตันเรือง" จึงเปลี่ยนจากบ้านโนนขี้หมา 7 เผาะมาเป็น “บ้านโนนเรือง” ตามต้นไม้ใหญ่ที่ชื่อต้นเรือง จึงได้เรียกชื่อหมู่บ้านว่า บ้านโนนเรือง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2455 เป็นต้นมา เมื่อปี พ.ศ. 2457 ปีขาล เมื่อพ่อเพียพิจิตร ผู้ใหญ่บ้านได้เสียชีวิตไป ต่อมาก็ได้เลือกตั้ง “นายนวล ป้องขวา” เป็นผู้ใหญ่บ้าน
ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2462 นายนวล ป้องขวา ก็ได้รับเลือกตั้งเป็นกำนัน ตำบลบ้านค้อ จนถึงพ.ศ. 2475 จึงได้เกษียณอายุราชการ จากนั้นก็ได้มีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านคนใหม่โดยได้“นายเหรียญ โนนสว่าง” เป็นผู้ใหญ่บ้าน จนถึง พ.ศ. 2440 นายเหรียญ โนนสว่าง ได้รับเลือกตั้งเป็นกำนัน ตำบลบ้านค้อ ในช่วงที่อยู่ในตำแหน่งกำนัน นาย เหรียญ โนนสว่าง ได้วางแผนผังหมู่บ้านได้ตัดถนนหนทางในหมู่บ้านไว้เป็นระเบียบสวยงาม พัฒนาบ้านโนนเรืองให้เจริญขึ้นมากจนถึง พ.ศ.2515 จึงเกษียณอายุราชการ เมื่อตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านว่างลง ทางราชการจึงให้มีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านขึ้นแทน โดยได้ “นายปราศรัย น้อยโนนงิ้ว” ในช่วงเป็นผู้นำก็ได้พาชาวบ้านพัฒนาถนน ขุดลอกลำห้วยเป็นต้น จนถึง พ.ศ. 2525 นายปราศรัย น้อยโนนงิ้ว จึงได้ลาออกจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านเพื่อไปทำงานต่างประเทศ จากนั้นก็มีการเลือกตั้งตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านที่ว่างลงเรื่อย ๆ เช่น นายสอน ตรีช่วย นายอ้วน แสนสี นายนิโรน์ เมืองสิม ตามลำดับ
จนมาถึงปีพ.ศ. 2544 บ้านโนนเรืองก็เป็นหมู่บ้านเป็นชุมชนที่หนาแน่น การเพิ่มขึ้นของประชากรทำให้ “นายนิโรจน์ เมืองสิม” เป็นผู้ใหญ่บ้านในช่วงนั้นได้ทำเรื่องเสนอเข้าทางอำเภอขอแยกหมู่บ้านออกจากบ้านโนน
เรืองหมู่ที่ 6 เป็นหมู่บ้านโนนเรืองหมู่ที่ 18 และทางการจึงแยกออกเป็น 2 หมู่บ้านโดยใช้ถนนกลางหมู่บ้านเป็นเส้นแบ่งเขต (ข้อมูลจากกองการศึกษาเทศบาลตำบลบ้านค้อ อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น)
ยุคพัฒนาสู่เศรษฐกิจทุนนิยม
- พ.ศ. 2480 บริษัท น้ำตาลกุมภวาปี จำกัดหรือเรียกย่อว่า KMP ก่อตั้งขึ้นที่อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ชาวบ้านบางส่วนเห็นโอกาสจึงเริ่มหันมาปลูกอ้อยมากขึ้นและชาวบ้านเริ่มส่งผลผลิตออกไป
- พ.ศ. 2507 มีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ก่อตั้งขึ้นที่อำเภอเมืองขอนแก่น ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับบ้านโนนเรือง ชาวบ้านเล็งเห็นว่ามีแนวทางในการประกอบอาชีพในสถานศึกษา ชาวบ้านเริ่มออกไปทำงานที่มหาวิทยาลัยทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากการ ทำการเกษตรแบบเดิม
- พ.ศ. 2521 บ้านโนนเรืองมีไฟฟ้าใช้ครั้งแรก ทำให้ชุมชนมีความปลอดภัยมากขึ้นและสะดวกต่อการเดินทาง สัญจรของชาวบ้าน หลังจากนั้นในปี 2534 บ้านโนนเรืองได้มีร้านค้าแห่งแรก ทำให้ชาวบ้านสะดวกสบายในการซื้อ สินค้าโดยที่ไม่ต้องเดินทางไกลไปซื้อสินค้าในตัวเมืองและปี 2546 น้ำประปาเข้ามาในชุมชน ชาวบ้านมีน้ำสะอาดใช้ เพื่ออุปโภคและบริโภค
- พ.ศ. 2547 มีการก่อตั้งโรงสีข้าวที่แรกเป็นของแม่จารุณี พิมสิม จึงทำให้คนในชุมชนมีความสะดวกสบาย โดย ไม่ต้องตำข้าวเอง เนื่องจากการตำข้าวเป็นวิธีที่ค่อนข้างยุ่งยากและในปีเดียวกันนั้น ชุดาปาร์ค รีสอร์ท แอนด์ โฮเต็ล เป็นกิจการโรงแรมและรีสอร์ทได้เปิดกิจการขึ้น ซึ่งช่วยสร้างชื่อเสียงให้บ้านโนนเรืองมากขึ้นในขณะนั้น เนื่องจากชุดาปาร์ค รีสอร์ท แอนด์ โฮเต็ล เป็นโรงแรม 3 ดาว มีรีสอร์ทและสวนน้ำอยู่ในตัวมีสิ่งอำนวยความ สะดวกอย่างครบวงจร
- พ.ศ. 2560 มีร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ จำนวน 2 ร้าน เป็นร้านที่ตอบรับนโยบายของรัฐ โดยชาวบ้านที่มีบัตร สวัสดิการแห่งรัฐ สามารถใช้บัตรสวัสดิการเลือกซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องเดินทางไปไกลไปซื้อของจากร้านค้าใน หมู่บ้านอื่นและในตัวเมือง ปีถัดมา 2561 มีการสร้างโรงสีแห่งที่สองเป็นของนายกิตติ จันทร์ประเทศแต่เป็นโรงสี ขนาดเล็กตั้งอยู่ไกลจากชุมชนและ ปี 2562 ได้มีการ ก่อสร้างบริษัท ชนม์เจริญฟาร์ม จำกัดเป็นบริษัทผลิตปุ๋ย มี การเปิดรับพนักงาน เนื่องจากเป็นโรงงานที่ใกล้กับหมู่บ้าน โดยห่างจากหมู่บ้าน 2 กิโลเมตร มีความสะดวกในการ เดินทางและชาวบ้านจึงเริ่มออกไปทำงานภาคอุตสาหกรรมที่โรงงาน ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น