รายละเอียดเกี่ยวกับหลักสูตร | |
---|---|
ระยะเวลาการเรียน (Duration) | 50 ชั่วโมง |
วัตถุประสงค์ (Objective) | 1. ผู้เรียนมีความเข้าใจถึงแนวคิดทฤษฎีและข้อถกเถียงว่าด้วยพหุวัฒนธรรมนิยมและชาติพันธุ์สัมพันธ์ 2. ผู้เรียนได้เรียนรู้ถึงปรากฏการณ์และความเคลื่อนไหวทางสังคมของวัฒนธรรมต่างๆ ในสังคม โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลาย 3. ผู้เรียนสามารถอธิบายและวิเคราะห์ความเชื่อมโยงระหว่างปรากฏการณ์ทางสังคมที่มีความเป็นพหุวัฒนธรรมและความสัมพันธ์ทางชาติพันธุ์ เข้ากับแนวคิดทฤษฎีและข้อถกเถียงทางวิชาการ |
ประโยชน์ที่จะได้รับ (Benefit) | 1. เข้าใจถึงแนวคิดทฤษฎีและข้อถกเถียงว่าด้วยพหุวัฒนธรรมนิยมและชาติพันธุ์สัมพันธ์ 2. ได้เรียนรู้ถึงปรากฏการณ์และความเคลื่อนไหวทางสังคมของวัฒนธรรมต่างๆ ในสังคม โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลาย 3. สามารถอธิบายและวิเคราะห์ความเชื่อมโยงระหว่างปรากฏการณ์ทางสังคมที่มีความเป็นพหุวัฒนธรรมและความสัมพันธ์ทางชาติพันธุ์ เข้ากับแนวคิดทฤษฎีและข้อถกเถียงทางวิชาการ |
เหมาะสำหรับ (Target group) |
- ครู/อาจารย์ - นักวิจัย - นักศึกษาระดับปริญญาตรี - บุคคลทั่วไป - นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา |
คุณสมบัติผู้เรียน (ถ้ามี) | |
ผู้สอน (Instructor) |
- รองศาสตราจารย์ ดร. ประสิทธิ์ ลีปรีชา หน่วยงาน คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
แนวทางการใช้งาน (Learning and teaching guideline) (ถ้ามี) |
เนื้อหาในบทเรียน |
เพื่อเป็นการปูพื้นฐานให้นักศึกษาเข้าใจและเห็นความสำคัญของความเป็นพหุวัฒนธรรมและความหลากหลายทางชาติพันธุ์ในสังคมปัจจุบัน ผู้สอนจะนำเสนอตัวอย่างปรากฏการณ์ทางสังคมที่เป็นทั้งด้านสร้างสรรค์และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นและเป็นที่รับรู้กันในสังคม ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติและนานาชาติ
ดู
|
---|
เนื้อหาในบทเรียน |
เรียนรู้พัฒนาการของคำ ความหมายและข้อถกเถียงว่าด้วยสังคมพหุลักษณ์ (plural society) สังคมพหุวัฒนธรรม (multicultural society) และพหุวัฒนธรรมนิยม (multiculturalism)
อ่าน 1. Furnivall, J. S. (1939). Netherlands Indian: A Study of Plural Economy. The University Press. 2. Rex, John. (1959). The Plural Society in Sociological Theory, The British Journal of Sociology, 10(2): 114-124. 3. Kymlica, Will. (2012). Multiculturalism: Success, Failure, and the Future. Washinton, DC: Migration Policy Institute. 4. Kymlica, Will. (2005). Liberal Multiculturalism: Western Models, Global Trends, and Asian Debates. In Will Kymlica and He Baogang (eds.), Multiculturalism in Asia, pp: 22-55. Oxford University Press. 5. บัณฑิต ไกรวิจิตร. (2563). พหุนิยมทางวัฒนธรรมในช่วงเวลาวิกฤติ. วารสารไทยคดีศึกษา 17(1): 150-182. 6. ศิริจิต สุนันต๊ะ. 2555. “สถานะการโต้แย้งเรื่องพหุวัฒนธรรมในประเทศไทย”, วารสารภาษาและวัฒนธรรม, 32(1): 5-30.
|
---|
เนื้อหาในบทเรียน |
เรียนรู้ความหลากหลายของกลุ่มวัฒนธรรมในสังคม โดยเฉพาะกลุ่มทางศาสนา ลัทธิความเชื่อ เพศสภาพ และวัย
อ่าน 1. นิธิ เอียวศรีวงศ์. (2554). “ศาสนาในสังคมไทยปัจจุบัน” ใน ปาฐกถา 60 ปี เศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์, 87-145. กรุงเทพฯ: โอเพ่นบุ๊กส์. 2. ชาญณรงค์ บุญหนุน. (2566). พุทธศาสนิกชนไทยในกระแสสังคมพหุวัฒนธรรม. วารสารพุทธศาสน์ศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 30(1): 1-37. 2. ปณิธี บราวน์. (2557). ความหลากหลายทางเพศกับพหุวัฒนธรรมในสังคมไทย: การสำรวจองค์ความรู้. วารสารสังคมศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 44(2): 51-77. 3. นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ. (2557). เพศหลากหลายในสังคมไทยกับการเมืองของอัตลักษณ์. วารสารสังคมศาสตร์ 25(2): 137-168. 4. ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี. (2553). วัฒนธรรมวัยรุ่น. สังคมศาสตร์ 22(1): 25-52. 5. วิภาวี เอี่ยมวรเมธ และอัจฉรา เอ๊นซ์ 2548 ผู้สูงอายุในพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทย. วารสารประชากรศาสตร์ 21(2): 67-83. 6. เกรียงศักดิ์ รัฐกุล และธวัชชัย ศรีพรงาม. (2566). ความสูขของผู้สูงอายุในสังคมพหุวัฒนธรรม. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลา 5(1): 125-151.
|
---|
เนื้อหาในบทเรียน |
เรียนรู้ปรากฏการณ์ความหลากหลายของกลุ่มเชื้อชาติและชาติพันธุ์ในสังคมไทย
อ่าน 1. Scupin, Raymond. (1986). “Thailand as a Plural Society: Ethnic Interaction in Buddhist Kingdom” Crossroads: An Interdisciplinary Journal of Southeast Asian Studies, 2(3): 115-140. 2. ครองชัย หัตถา. (2558). พหุวัฒนธรรมภาคใต้ในมิติภูมิรัฐศาสตร์. สารอาศรมวัฒนธรรมวลัยลักษณ์ 15(1): 1-24.
3. ประสิทธิ์ ลีปรีชา. (2556). พหุวัฒนธรรมนิยมจากรากหญ้า: ขบวนการเคลื่อนไหวของเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองและชาติพันธุ์ในประเทศไทย. สังคมศาสตร์ 25(2): 59-106. |
---|
เนื้อหาในบทเรียน |
เรียนรู้บทบาทและอิทธิพลของรัฐชาติในการกำหนดนโยบายชาตินิยมที่อยู่บนพื้นฐานของกลุ่มชนชาติหลักหรือกลุ่มครอบงำของชาติ อันเป็นการสร้างอัตลักษณ์และสำนึกเดียวในชาติ ซึ่งส่งผลต่อการทำลายความเป็นพหุวัฒนธรรม
อ่าน 1. เบน แอนเดอร์สัน. 2552. “บทนำ” (บทที่ 1) และ “กำเนิดของสำนึกแห่งความเป็นชาติ” (บทที่ 3) (หน้า 1-13 และ 63-83). ใน ชุมชนจินตกรรม: บทสะท้อนว่าด้วยกำเนิดและการแพร่ขยายของชาตินิยม. กรุงเทพฯ: มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์. 2. เสกสรรค์ ประเสริฐกุล. (2551). รัฐชาติ ชาติพันธุ์ และความทันสมัย. ใน บทความแนวคิด การประชุมวิชาการ ชาตินิยมกับพหุวัฒนธรรม, หน้า 11-96. เชียงใหม่: ศูนย์ภูมิภาคด้านสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. 3. อภิญญา ดิสสะมาน. (2558). นโยบายชาตินิยม และนโยบายการผสมกลมกลืนทางวัฒนธรรมที่มีต่อชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนใต้. วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ 2(1): 230-256. 4. ชยันต์ วรรธนะภูติ. (2551). ชาตินิยม ชาติพันธุ์และพหุวัฒนธรรม: รัฐและนโยบายชาติพันธุ์ของประเทศในอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง. ใน บทความแนวคิด การประชุมวิชาการ ชาตินิยมกับพหุวัฒนธรรม, หน้า 297-361. เชียงใหม่: ศูนย์ภูมิภาคด้านสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. |
---|
เนื้อหาในบทเรียน |
เรียนรู้การปรับเปลี่ยนนโยบายของรัฐไทย จาก “ผสมกลมกลืน” (assimilation) ในอดีตที่มีต่อชาวจีนและกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนน้อย มาเป็นนโยบาย “พหุวัฒนธรรม” ในปัจจุบัน กระนั้นก็ตาม ยังมีข้อถกเถียงอีกมากมายถึงนโยบายและการปฏิบัติเกี่ยวกับพหุวัฒนธรรมของรัฐไทยในปัจจุบัน
อ่าน 1. สภาความมั่นคงแห่งชาติ. ม.ป.ป. แผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมในประเทศไทย (พ.ศ. 2566-2570). กรุงเทพฯ: สภาความมั่นคงแห่งชาติ. 2. นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ. (2564). ข้อวิพากษ์สารัตถนิยมทางวัฒนธรรมในนโยบายพหุวัฒนธรรมของรัฐไทย. วารสารมานุษยวิทยา 4(1): 117-155. 3. วิลาสินี โสภาพล (2022). มองพหุวัฒนธรรมผ่านมิติความมั่นคงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้. Journal of Human Rights and Peace Studies 8(1): 111-135.
3. Hostman, Alexander. (2556). Diversity, space levels and approaches to multiculturalism in Thailand. สังคมศาสตร์ 25(2): 29-56. 4. อานันท์ กาญจนพันธุ์. (2555). “คนไทยยอมรับความหลากหลายทางสังคมวัฒนธรรมจริงหรือ?” ใน ถกความคิดสังคมศาสตร์ในสังคมไทย, หน้า 243-264. เชียงใหม่: ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
|
---|
เนื้อหาในบทเรียน |
เรียนรู้พัฒนาการและข้อถกเถียงเกี่ยวกับแนวคิด “สิทธิทางวัฒนธรรม” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสิทธิมนุษยชนในระดับสากล แม้รัฐไทยจะลงสัตยาบันในกฎหมายสิทธิทางวัฒนธรรมในระดับประเทศ แต่ก็ยังไม่ได้นำมาปฏิบัติอย่างจริงจัง ตรงกันข้าม กลับมีการละเมิดสิทธิทางวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์และวัฒนธรรมท้องถิ่นอยู่
อ่าน 1. Stavenhagen, Rodolfo. (2008). Cultural Rights and Human Rights: A Social Science Perspective. In Pedro Pitarch, Shannon Speed, and Xochitl Leyva Solano (eds.), Human Rights in the Maya Region: Global Politics, Cultural Contentions, and Moral Engagement, pp: 27-50. Durham and London: Duke University Press. 2. สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ. (2546). กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ. 3. พร้อมพล สัมพันธโน ปิยลักษณ์ โพธิวรรณ์ และกฤษฎา บุญชัย. (2562). การเมืองของสิทธิทางวัฒนธรรมในการปกป้องวิถีชีวิตปกาเกอะญอในภาคเหนือตอนบน. วารสารมหาจุฬานาครทรรน์ 6(7): 3337-3353. 4. พัทธ์ธีรา นาคอุไรรันต์ และซัมซู สาอุ. (2565). การสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในชุมชนพหุลักษณ์ชายแดนใต้บนฐานคิดสิทธิทางวัฒนธรรมและสุขภาวะองค์รวมเพื่อสุขภาพ: บทสำรวจความเป็นไปได้. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร 10(3): 955-970. |
---|
เนื้อหาในบทเรียน |
เรียนรู้แนวคิดและปฏิบัติการของรัฐไทยในการจัดการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญอย่างหนึ่งในการผสมกลมกลืนทางชาติพันธุ์ ที่ในระยะยาวได้ส่งผลกระทบต่อความเป็นพหุวัฒนธรรมในสังคมไทย แม้ในปัจจุบันจะเริ่มตื่นตัวให้มีการจัดการเรียนการสอนว่าด้วยพหุวัฒนธรรม แต่ก็ยังมีน้อยอยู่ และยังไม่ส่งผลต่อการวางนโยบายและการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากนัก
อ่่าน 1. ฐิติมดี อาพัทธนานนท์. (2556). เนื้อหาความเป็นพหุวัฒนธรรมในแบบเรียนไทย. วารสารสังคมลุ่มน้ำโขง 9(1): 107-130. 2. ประสิทธิ์ ลีปรีชา และมุกดาวรรณ ศักดิ์บุญ. (2564). การศึกษาเพื่อความเป็นไทยกับกลุ่มชนพื้นเมืองในภาคเหนือ วารสารธรรมศาสตร์ 40(2): 86-97. 3. ฐิติมดี อาพัทธนานนท์. (2554). นโยบายการจัดการศึกษาและการปฏิบัติของโรงเรียนประถมศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้กับความเป็น พหุวัฒนธรรม: กรณีศึกษาโรงเรียนในจังหวัดปัตตานี. วารสารสงขลานครินทร์ 17(4): 545-560. 4. นันทน์ภัส แสงฮอง. (2565). ครุศึกษาเชิงพหุวัฒนธรรม. วารสารครุศาสตร์ 50(4): 1-13. 5. วิเนส จันทะวงษ์ศรี และคณะ. (2566). แนวทางการพัฒนาการจัดการศึกษาตามแนวคิดของพหุวัฒนธรรมศึกษา. วารสารราชนครินทร์ 20(1): 98-110. |
---|
เนื้อหาในบทเรียน |
เน้นพัฒนาการและความหมายของชาติพันธุ์สัมพันธ์ (ethnicity) ด้วยคำที่เกี่ยวข้อง คือ เชื้อชาติ (race) ชนเผ่า (tribe) ชนชาติ (nation) กลุ่มชาติพันธุ์ (ethnic group) และชนพื้นเมือง (indigenous people)
อ่าน 1. ประสิทธิ์ ลีปรีชา. (2565). นิยามและพัฒนาการของการศึกษาชาติพันธุ์สัมพันธ์ (บทที่ 1) (หน้า 1-28) ใน ชาติพันธุ์สัมพันธุ์: การเมืองของความสัมพันธ์และแนวคิดการศึกษา. กรุงเทพฯ: ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. 2. ประสิทธิ์ ลีปรีชา. (2565). การเมืองของการเรียกชื่อ (บทที่ 2) (หน้า 29-48) ใน ชาติพันธุ์สัมพันธุ์: การเมืองของความสัมพันธ์และแนวคิดการศึกษา. กรุงเทพฯ: ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. 3. ฟี, เลียน เควิน และอานันดา ราชาฮ์. (2550). ลักษณะความซับซ้อนทางชาติพันธุ์. ใน สุเทพ สุนทรเภสัช (แปล). ทฤษฎีชาติพันธุ์สัมพันธ์, หน้า 199-231. เชียงใหม่: ศูนย์ศึกษาชาติพันธุ์และการพัฒนา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. 4. Eriksen, Thomas Hylland. (1993). “What is Ethnicity?:,” in Ethnicity and Nationalism: Anthropological Perspectives, pp. 1-17. London: Pluto Press. |
---|
เนื้อหาในบทเรียน |
เน้นแนวคิดและพัฒนาการของการจำแนกความแตกต่างของกลุ่มคนหรือกลุ่มชาติพันธุ์ในสังคมเอเชีย และยกตัวอย่างบางประเทศ
อ่าน 1. ประสิทธิ์ ลีปรีชา. (2565). การเมืองของการจำแนกกลุ่มชนในสังคม (บทที่ 3) (หน้า 49-76) ใน ชาติพันธุ์สัมพันธุ์: การเมืองของความสัมพันธ์และแนวคิดการศึกษา. กรุงเทพฯ: ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. 2. Keyes, Charles F. (2002). Presidential Address: "The Peoples of Asia"-Science and Politics in the Classification of Ethnic Groups in Thailand, China, and Vietnam, The Journal of Asian Studies, Vol. 61, No. 4 (Nov., 2002), pp. 1163-1203. 3. ธงชัย วินิจจะกูล. (2560). คนอื่นในแดนตน: การเดินทางกับการจำแนกชาติพันธุ์ของราษฎรสยามตามถิ่นฐาน ระหว่าง พ.ศ. 2428-2453. ใน คนไทย/คนอื่น: ว่าด้วยคนอื่นของความเป็นไทย, หน้า 5-35. นนทบุรี: ฟ้าเดียวกัน. |
---|
เนื้อหาในบทเรียน |
เรียนรู้ความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทยและบางประเทศในภูมิภาคอาเซียน กับทั้งนโยบายการสร้างชาติ หรือหลอมรวมเป็นชาติเดียวกัน (สำนึกในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในชาติ) ที่ส่งผลกระทบต่อาการสูญเสียความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ในแต่ละประเทศ
อ่าน 1. ไพฑูรย์ มีกุศล. (2559). ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง. วารสารราชภัฏสุราษฎร์ธานี 3(2): 1-32. 2. ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ. (2558). การเมืองเรื่องชาติพันธุ์ในภาคพื้นสมุทร. ใน ชยันต์ วรรธนะภูติ และสมัคร์ กอเซ็ม (บ.ก.), อาเซียนปริทัศน์ (หน้า 121-157). เชียงใหม่: ศูนย์อาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. 3. แวน รอย, เอ็ดวาร์ด. (2565). ก่อร่างเป็นบางกอก. ยุกติ มุกดาวิจิตร (แปล). กรุงเทพฯ: มติชน. 4. Keyes, Charles F. (2008). “Ethnicity and the Nation-State of Thailand and Vietnam” in Prasit Leepreecha, Don McCaskil, and Kwanchewan Buadaeng (eds.) Challenging the Limits: Indigenous Peoples of the Mekong Region, pp.13-53. Chiang Mai: Mekong Press. 5. Schefold, Reimar. (1998). The Domestication of Culture: Nation Building and Ethnic Diversity in Indonesia, Bijdragen tot de Taal-, Land- en Volkenkunde 154(2): 259-280. |
---|
เนื้อหาในบทเรียน |
เน้นพัฒนาการและผลกระทบที่เกิดจากนโยบายผสมกลมกลืน (assimilation) ของรัฐไทยที่มีต่อกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศ โดยเฉพาะคนจีน ชาวมลายูมุสลิม และกลุ่มชาติพันธุ์บนที่สูงในภาคเหนือ
อ่าน 1. อัสรี มาหะมะ. (2560). มลายูมุสลิมกับกระบวนการทำให้เป็นไทย. สังคมศาสตร์ 29(1): 127-159. 2. ประสิทธิ์ ลีปรีชา. (2560). นามสกุลกับกระบวนการทำให้กลายเป็นไทยในกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูง, สังคมศาสตร์ 29(1): 85-124.
|
---|
เนื้อหาในบทเรียน |
เรียนรู้ประเด็นการอยู่อาศัยและเคลื่อนย้ายข้ามชาติของกลุ่มชาติพันธุ์ ที่นำมาซึ่งความเชื่อมโยงของวัฒนธรรมปฏิบัติและประเด็นอื่นๆ ข้ามชาติด้วย
อ่าน 1. พัฒนา กิติอาษา. (2560). “คนข้ามแดน: นาฏกรรมชีวิตและการข้ามพรมแดนในวัฒนธรรมอีสาน.” ใน คนข้ามแดน: ความเรียงว่าด้วยมานุษยวิทยา. หน้า 330-386. เชียงใหม่: ศูนย์ศึกษาชาติพันธุ์และการพัฒนา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. 2. ประสิทธิ์ ลีปรีชา. (2557). “ศิวิไลซ์ข้ามพรมแดน: การเผยแพร่ศาสนาของม้งโปรเตสแตนต์ในเอเชียอาคเนย์.” สังคมศาสตร์ 26(1): 15-51. 3. สุทธิพร บุญมาก. (2555). “ความเลื่อนไหลของอัตลักษณ์บนเส้นเขตแดน: แรงงานมลายูปาตานีข้ามแดนไทย-มาเลเซียในร้านต้มยํา.” วารสารมนุษศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 29(3): 1-21. |
---|
เนื้อหาในบทเรียน |
ศึกษาขบวนการเคลื่อนไหวของชนพื้นเมืองในสังคมตะวันก (ประเทศใต้อาณานิคมเดิม) ที่ส่งผลต่อการรวมตัวกันเป็นเครือข่ายและเคลื่อนไหวของกลุ่มชาติพันธุ์และชนกลุ่มน้อยในภูมิภาคอื่นๆ ของโลก โดยเฉพาะกรณีของประเทศไทย
อ่าน 1. Prasit Leepreecha. (2019). Becoming Indigenous Peoples in Thailand, Journal of Southeast Asian Studies 50(1): 32-50. 2. Morton, Micah and Ian Baird. (2019). From Hill Tribes to Indigenous Peoples: The localisation of a Global movement in Thailand, Journal of Southeast Asian Studies 50(1): 7-31. 3. ประสิทธิ์ ลีปรีชา. (2565). ขบวนการเคลื่อนไหวของชนพื้นเมือง (บทที่ 7) (หน้า 145-174) ใน ชาติพันธุ์สัมพันธุ์: การเมืองของความสัมพันธ์และแนวคิดการศึกษา. กรุงเทพฯ: ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. 4. Niezen, Ronald. (2003). The Origin of Indigenism: Human Rights and the Politics of Identity. Berkeley: University of California Press (Ch. 1 and 2 or pp: 1-52). |
---|
เนื้อหาในบทเรียน |
การเรียนวิชานี้ นักศึกษาควรได้เรียนรู้จริงในภาคสนาม เพื่อให้เข้าใจปรากฏการณ์จริง แทนที่จะเป็นการเรียนแต่ภาคทฤษฎีในห้องเรียนเท่านั้น เลือกพื้นที่หรือชุมชนและประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความเป็น “พหุวัฒนธรรมและชาติพันธุ์สัมพันธ์” ซึ่งมีในพื้นที่ |
---|